สามารถเข้าไปศึกษาเรื่อง ตัวเลขและระบบเลขโรมันได้โดยคลิกที่รูปเลยค่ะ
รวบรวมงานและข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้องกับวิชา นวัตกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเรียนรู้ สอนโดย อ.ดร.อนุชา โสมาบุตร โดย นางสาวพรรณวิภา พรพิรุณโรจน์ นักศึกษาคณะศึกษาศาสตร์ สาชาวิชาคณิตศาสตรศึกษา ชั้นปีที่ 2 มหาวิทยาลัยขอนแก่น
วันอังคารที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557
Clip การแก้ปัญหา 17 นาที โดยโจโจ้ซัง
คณิตศาตร์... ใครว่าเป็นเรื่องในห้องเรียน??
เราอาจจะเจอปัญหาที่ให้แก้โดยใช้หลักคณิตศาสตร์ในชีวิตจริงก็ได้ !!
วีดิโอการใช้คณิตศาสตร์ การแก้ปัญหา โดยกลุ่มโจโจ้ซัง
เนื่องจากขัดข้องทางเทคนิค ขอให้ท่ารับชมนาทีที่ 9.50 ในคลิปวีดิโอที่สองค่ะ
วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2557
New Innnovations
อัพเดทนวัตกรรมใหม่ๆได้ที่นี่....
I: นวัตกรรมอัจฉริยะ เปลี่ยนกระดาษใช้แล้วเป็นดินสอได้
II: รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ติดเครื่อง'เจ็ต'จาก'จากัวร์'
III: DBA Pens ปากกาย่อยสลายได้
IV: ที่เย็บกระดาษโดยไม่ต้องใช้ลวดเย็บกระดาษ
V: undercover colours ยาทาเล็บสูตรพิเศษ!
VI: รถไม่ต้องล้าง !
VII: สุดยอดแห่งการประหยัดและพกพา นวัตกรรมเครื่องพิมพ์ไร้ตลับหมึก เครื่องเล็กที่สุดในโลก
VIII: โฮโลแกรม เทคโนโลยีเสมือนจริงสุดล้ำ !
IX: มือถือไร้แบต !
X: วิธีการแก้ปัญหาที่จอดรถจักรยานไม่พอของประเทศญี่ปุ่น !
XI: นวัตกรรมเครื่องตากผ้า แห้งทันใจพกไปได้ทุกที่
XII: เครื่องซักผ้าพลังงานคน !
XIII: ชาร์จแบตมือถือให้เต็มภายใน 30 วินาที!
XIV: นั่ง"รถไฟฟ้า" ขึ้นสู่ห้วงอวกาศ
XV: LiquiGlide สารเคลือบขวดที่ทำให้ซอสมะเขือเทศไหลออกจากขวดอย่างรวดเร็ว
LiquiGlide สารเคลือบขวดที่ทำให้ซอสมะเขือเทศไหลออกจากขวดอย่างรวดเร็ว
หลายคนคงรู้สึกหงุดหงิด เวลาเทซอสมะเขือเทศที่อยู่บริเวณก้นขวด เนื่องจากซอสมะเขือเทศที่อยู่ก้นขวดนั้นไม่ยอมไหลออกมา และทำให้ต้องทิ้งขวดซอสมะเขือเทศทั้งๆที่ยังมีซอสเหลืออยู่ในขวดจำนวนหนึ่ง แต่ นาย Dave Smith และทีมงานวิศวกร รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีนาโน ที่สถาบันวิจัย Varanasi Research Group ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้คิดค้นสารเคลือบขวด ที่ทำให้ซอสมะเขือเทศไหลออกมาจากขวดอย่างรวดเร็วและไม่มีติดก้นขวดแม้แต่หยดเดียว
นวัตกรรมดังกล่าวเรียกว่า "LiquiGlide" คือสารเคลือบผิวที่ทำจากสารที่ไม่เป็นพิษ ซึ่งสามารถนำไปใช้กับภาชนะใส่อาหารทุกชนิด เช่น ขวดซอสมะเขือเทศ และ มายองเนส โดยที่ตัวแทนของทีมนักวิจัยมองว่า นวัตกรรมนี้จะช่วยลดปริมาณซอส หรือ อาหารอื่นๆ ที่ถูกทิ้งเนื่องจากเทไม่ออกจากขวดได้ถึง 1 ล้านตันต่อปี
นาย Smith ได้อธิบายไว้ว่า นวัตกรรมนี้คือการเคลือบพื้นผิวอย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากเป็นของเหลวที่มีความเข็งเหมือนของเข็งทั่วไป แต่ลื่นไหลเหมือนของเหลว ซึ่งสามารถใช้กับภาชนะมากมายอย่างเช่น แก้ว หรือ พลาสติก และสามารถนำไปใช้ได้ในหลากหลายวิธีการ ประกอบด้วย การพ่นสารเคลือบนี้กับพื้นผิวด้านในของขวด ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในขวดไหลออกมาอย่างรวดเร็วและง่ายดาย
ขวดซอสมะเขือเทสเคลือบ LiquiGlide
หนึ่งในบททดสอบสำคัญที่ทีมนักวิจัยต้องประสบคือการทำให้พวกเขามั่นใจว่า อาหารที่อยู่ในภาชนะซึ่งถูกเคลือบด้วยนวัตกรรมนี้มีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค ส่งผลให้พวกเขาต้องทำการทดลองด้วยวัสดุที่องค์กรอาหารและยาของสหรัฐฯ หรือ FDA รับรองคุณภาพเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ ทีมนักวิจัยกับนาย Smith ได้ใช้เวลาหลายปีในการพัฒนาสารเคลือบผิวหลายหลายชนิด เพื่อหาทางป้องกันการอุดตันของท่อส่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ แต่นาย Smith ก็เริ่มมีแนวคิดที่จะใช้สารเคลือบที่พวกเขาพัฒนากับภาชนะบรรจุอาหาร และทีมงานของพวกเขาก็เห็นด้วย ส่งผลพวกเขาคิดค้นนวัตกรรมนี้ได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม นวัตกรรมนี้ก็ไม่เป็นที่ยอมรับมากนัก ทำให้นาย Smith ต้องพยายามทำการทดลองและพัฒนานวัตกรรมนี้ต่อไป เพื่อแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่างภาชนะที่เคลือบด้วยนวัตกรรมนี้ และ ภาชนะรุ่นเก่าที่ไม่มีการเคลือบ
แต่เขาก็เริ่มมองเห็นโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ เมื่อนวัตกรรมนี้สามารถคว้าอันดับ 2 ในการประกวดนวัตกรรมที่สถาบันเทคโนโลยีประจำรัฐแมสซาชูเซตส์ และสามารถคว้ารางวัลขวัญใจคนดูไปได้สำเร็จ
ในขณะนี้ นาย Smith ได้เริ่มพูดคุยกับบริษัทผลิตขวดบางแห่ง แต่ก็ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการและทีมงานเขาก็ไม่สามารถตั้งบริษัทด้วยตัวเอง รวมทั้งยังไม่มีการร่วมงานกับหน่วยงานอื่นๆเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในขณะที่ปฏิบัติการในห้องทดลองของเขาก็ยังไม่ถือว่าเสร็จสมบูรณ์อีกด้วย ทำให้ยังไม่มีการเผยแพร่นวัตกรรมนี้อย่างแพร่หลาย
ขวดมายองเนสเคลือบ LiquiGlide
ขวดมายองเนสทั่วไป
ขอขอบคุณ http://www.energysavingmedia.com/
นั่ง"รถไฟฟ้า" ขึ้นสู่ห้วงอวกาศ
เช่นเดียวกับที่ทีมนักวิทยาศาสตร์ญี่ปุ่น เชื่อว่า "ลิฟต์อวกาศ" ไม่เพียงจะเป็นหนทางประหยัดมากกว่าจรวดในการขึ้นสู่ห้วงอวกาศ ดร. เจมส์ พาวเวลล์ ผู้ร่วมประดิษฐ์คิดค้นเทคโนโลยี แม็กเลฟ ที่ใช้สนามแม่เหล็กในการขับเคลื่อนขบวนรถไฟความเร็วสูงกับ ดร.จอร์จ เมส วิศวกรอวกาศยาน ซึ่งเคยทำงานอยู่กับห้องปฏิบัติการแห่งชาติ บรูคเฮฟเวน ของสหรัฐอเมริกา ก็เชื่อเช่นเดียวกันว่าแนวความคิด "รถไฟแม็กเลฟสตาร์แทรม" ก็สามารถทำให้การเดินทางสู่อวกาศ ถูกลง และมีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
นักวิทยาศาสตร์ทั้งสองอยู่ เบื้องหลังแนวความคิดในการสร้าง "สตาร์แทรม" ระบบส่งอวกาศยานด้วยพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าที่เชื่อว่ามีความเป็นไปได้แล้ว ด้วยเทคโนโลยีที่มีอยู่ในทุกวันนี้ เพียงผสมผสานความสามารถและความเชี่ยวชาญของทั้งสองสาขาเข้าด้วยกัน นอกจากนั้นยังมีความเป็นไปได้ที่จะใช้แนวความคิดนี้ไปในเชิงพาณิชย์ อย่างเช่นการท่องเที่ยวอวกาศอีกด้วย
ตามแนวคิดรถไฟฟ้าอวกาศนี้จะแยกออกเป็น 2 เวอร์ชั่น เจเนอเรชั่นที่ 1 หรือเวอร์ชั่นแรกเป็นขบวนรถไฟฟ้าเพื่อส่งยานอวกาศสำหรับการจัดส่งพัสดุภัณฑ์ เท่านั้น มูลค่าก่อสร้างเบื้องต้นที่ประเมินไว้ในตอนนี้เท่ากับ 20,000 ล้านดอลลาร์
อีกเวอร์ชั่น เจน 2 จะเป็นระบบส่งสำหรับยานอวกาศที่มีผู้โดยสารอยู่ด้วย ซึ่งมูลค่าการก่อสร้างจะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า เป็นราว 60,000 ล้านดอลลาร์
ถ้าหากตัดสินใจในวันนี้ แบบแรกจะใช้เวลาอีก 10 ปีก็แล้วเสร็จ ส่วนเจน 2 จะต้องใช้เวลาเพิ่มมากขึ้นเป็น 20 ปี และใช้ทรัพยากรเพื่อการก่อสร้างมากกว่าแบบแรกมาก
ตามแนวคิดเบื้องต้น เจน 1 ของสตาร์แทรม จะถูกสร้างขึ้นตามแนวด้านข้างของภูเขาสูง ในขณะที่เจเนอเรชั่นที่ 2 นั้นจะเป็นการก่อสร้างแนวรางพลังแม่เหล็กยกระดับให้สูงขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดที่อยู่สูงเหนือพื้นดินราว 20 กิโลเมตร รวมระยะทางของรางทั้งหมดราว 1,609 กิโลเมตร
ตัวรางซึ่งแน่นอนจะมีส่วนที่ถูกยึดโยงอยู่กับพื้น ดิน แต่ไม่จำเป็นต้องใช้ตอม่อหรือเสาค้ำยันใดๆ เพราะใช้เทคโนโลยีแม็กเลฟ ซึ่งอาศัยคุณสมบัติการเกิดแรงผลักของแม่เหล็กไฟฟ้าขั้วเดียวกันมาใช้ ยกระดับรางดังกล่าวให้ลอยอยู่กลางอากาศ แต่เพื่อป้องกันไม่ให้ระบบเสียหายจากคลื่นสั่นสะเทือนที่จะเกิดขึ้นเมื่อ สตาร์แทรมขับเคลื่อน ระบบทั้งหมดจะถูกหุ้มอยู่ภายในอุโมงค์สุญญากาศ ซึ่งจะดูดซับแรงสั่นสะเทือนจากการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วระดับ ไฮเปอร์โซนิค (ความเร็วเหนือเสียงมากกว่า มัค 5 ขึ้นไป) ซึ่งจะทำระยะทางได้ 9 กิโลเมตรในระยะเวลาเพียงแค่ 1 วินาทีเท่านั้น
ในขั้นตอนสุดท้าย ตัวยานจะเร่งความเร็วขึ้นสูงสุดก่อนหลุดจากราง เมื่อถึงตอนนั้นมันก็จะอยู่ในระดับสูงพอที่จะเข้าสู่วงโคจรระดับล่างของโลก (แอลอีโอหรือ โลเวอร์ เอิร์ธ ออร์บิท-หมายถึงวงโคจรใดๆ ที่อยู่ในระยะห่างจากพื้นผิวโลกระหว่าง 1600 กิโลเมตรถึง 2,000 กิโลเมตร) แล้ว
"สตาร์แทรม" สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้หลากหลายในอนาคต ตั้งแต่การปกป้องโลกจากดาวเคราะห์น้อย, การทำฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์ในอวกาศ, การทำเหมืองแร่บนดาวเคราะห์น้อยและดาวหาง, การใช้อวกาศเพื่อการผลิตในเชิงอุตสาหกรรม และการสร้างนิคมในอวกาศ เป็นต้น
ดร.พา วเวลล์และ ดร.เมสยอมรับว่า มูลค่าการลงทุนดังกล่าวสูงมาก แต่ถ้าเทียบกับค่าใช้จ่ายขององค์การบริหารการบินอวกาศแห่งชาติ (นาซา) ในเวลานี้ ที่ต้องใช้เงิน 10,000 ดอลลาร์ (ราว 320,000 บาท) ต่อน้ำหนัก 1 กิโลกรัมของของใดๆ ที่ส่งขึ้นสู่ห้วงอากาศ แต่ระบบสตาร์แทรมสิ้นเปลืองเพียง 50 ดอลลาร์ต่อกิโลกรัม หรือ นาซาต้องจ่ายเงิน 20 ล้านดอลลาร์ให้กับรัสเซียในการส่งนักบินอวกาศหนึ่งคนขึ้นสู่ห้วงอวกาศในตอน นี้
ในขณะที่ระบบสตาร์แทรมใช้เงินเพียง 5,000 ดอลลาร์ต่อคนเท่านั้นเอง
ขอขอบคุณ http://www.matichon.co.th/
ชาร์จแบตมือถือให้เต็มภายใน 30 วินาที!
ในการชาร์จแบตโทรศัพท์มือถือให้เต็มเพื่อนๆต้องใช้เวลาเท่าไหร่คะ 1 ชม.? 2 ชม.? 3 ชม.? หรือมากกว่านั้นคะ? แต่เพื่อนๆสามารถชาร์จแบตให้เต็มภายใน 30 วินาทีด้วยนวัตกรรมชิ้นนี้ค่ะ! อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ 30 วินาทีจริงๆ!
การรอคอยการชาร์ตไฟสำหรับโทรศัพท์เคลื่อนที่นานๆ อาจกลายเป็นอดีตไปแล้ว เมื่อเด็กนักเรียนหญิงวัยเพียง 18 ปี “เอชา คาเร” จากโรงเรียนมัธยมในแคลิฟอร์เนีย ประดิษฐ์คิดค้นที่เก็บสะสมประจุไฟฟ้า หรือเครื่องสำรองไฟ สามารถชาร์ตมือถือให้เต็มได้ภายในเวลาสั้นๆ เพียงแค่ 20-30 วินาทีเท่านั้น
เครื่องสำรองไฟนี้ มีขนาดเล็กจิ๋ว เรียกกันว่า “ซูเปอร์แคพาซิเทอร์” และนำพาให้เธอชนะรางวัลสุดยอดสิ่งประดิษฐ์ระดับนักเรียน “ยัง ไซแอนทิสต์ อวอร์ด” จากงานวิศวกรรมและวิทยาศาสตร์นานาชาติ ซึ่งจึดขึ้นโดยบริษัทระดับโลกอย่าง Intelและคว้าเงินก้อนโตกลับบ้าน 50,000 ดอลลาร์ (1,500,000 บาท) เลยทีเดียว เธอให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์เอ็นบีซีว่า “มือถือของหนูแบตหมดตลอด จึงเป็นแรงผลักดันให้หนูพยายามคิดและประดิษฐ์เทคโนโลยีเครื่องสำรองไฟขึ้นมา”
ภาพรายงานข่าวซูเปอร์แคพาซิเทอร์ทางช่อง NBC
ขอขอบคุณ http://www.energysavingmedia.com/
เครื่องซักผ้าพลังงานคน !
เครื่องซักผ้าโดยทั่วไปนั้นต้องใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนมอเตอร์ แต่มีเด็กหญิงคนหนึ่งสามารถสร้างเครื่องซักผ้าที่ไม่ต้องใช้พลังงานไฟฟ้า! เพียงแค่ปั่นจักรยานก็สามารถซักผ้าได้แล้ว !!
สาวน้อยอินเดียนามว่าเรมญา โจเซ ได้ดัดแปลงจักรยานคันเก่าของเธอ เป็นถังซักผ้าออกกำลังกายได้
ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีก่อน เมื่อเธออายุเพียง 14 ปี แม่ของเด็กสาวนั้นเกิดไม่สบายขึ้นมา กอปรกับผู้เป็นพ่อป่วยเป็นมะเร็งต้องคอยได้รับการรักษา เรมญากับน้องสาวจึงต้องคอยดูแลบ้านแทนผู้เป็นแม่ เธอจึงได้คิดค้นถังซักผ้าแบบปั่น แทนที่การซักผ้าตามแม่น้ำลำคลองเหมือนคนอื่นทั่วไป
เริ่มแรกเรมญาวาดภาพอุปกรณ์ขึ้นมาแบบง่ายๆ ด้วยส่วนประกอบของถังอลูมิเนียม ตระแกรงลวดทรงกลม ต่อเข้ากับที่โซ่จักรยานและเบาะนั่งจากจักรยานคันเก่าของเธอ หลังจากนั้นก็ให้ร้านแถวบ้านประกอบเป็นอุปกรณ์ที่เธอคิดค้นขึ้น
การทำงานเหมือนกับการซักผ้าในถึงกึ่งอัตโนมัติทั่วไป ที่มีการซักและเปลี่ยนถ่ายน้ำ โดยการปั่นแต่ละครั้ง เรมญาใช้เวลาปั่น 3 ถึง 4 นาทีในการทำสะอาด นับเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่จะช่วยประหยัดเวลา ประหยัดพลังงาน ประหยัดเงิน และเป็นการออกกำลังได้เป็นอย่างดี อีกทั้งสามารถนำไปประยุกต์สร้างเป็นธุรกิจภายในครอบครัวได้
สุดยอดเลยนะคะ นอกจากจะสามารถสร้างสรรค์สิ่งรอบๆตัวให้กลายเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ได้แล้ว ยังสามารถสร้างรายได้ได้อีกด้วย เป็นทั้งเครื่องซักผ้าและเครื่องออกกำลังกายไปในตัว เจ๋งสุดๆไปเลยค่ะ >_< และยังไม่ใช้พลังงานที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนอีกด้วยค่ะ น่าชื่นชมน้องเรมญาจริงๆเลยค่ะ
ขอขอบคุณ http://www.energysavingmedia.com/
นวัตกรรมเครื่องตากผ้า แห้งทันใจพกไปได้ทุกที่
สำหรับเราชาวหอแล้ว การหาพื้นที่ตากผ้าในราวรวมหรือในระเบียงเล็กๆนั้น ลำบากมากในการตากผ้าครุ้งหนึ่ง เพราะมีผ้าจำนวนมากและราวก็เล็ก ทำให้เสื้อฟ้าแห้งช้า ปัญหานี้จะหมดไปเมื่อพบกับนวัตกรรมชิ้นนี้ ! นั่นคือ Ôyer เครื่องอบแห้งขนาดพกพา นั่นเองค่ะ
เผิงเฟย หลี (Pengfei Li) ได้ออกแบบนวัตกรรมการตากผ้าแบบใหม่ เอื้อต่อผู้ที่มีสถานที่จำกัด โดยผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ มีชื่อเรียกว่า Ôyer เป็นเครื่องอบแห้งขนาดพกพา เหมาะสำหรับอบเครื่องแต่งกายชิ้นเล็กๆ อาทิ ถุงเท้า หรือชุดชั้นใน เป็นต้น ซึ่งเจ้า Ôyer นี้ จะช่วยเร่งเวลาให้ผ้าแห้งเร็วง่ายยิ่งยิ่ง ไม่เว้นแม้กระทั่งในช่วงฤดูฝนอากาศชื้นแฉะก็ตาม
สำหรับผ้าที่ใส่ลงไปในเครื่อง Ôyer นั้น จะอยู่ในถุงป้องกันอีกที และภายในเครื่องจะมีอากาศถ่ายเทเข้าออกได้ด้วย ส่วนเซ็นเซอร์ด้านนอกจะคอยตรวจจับระดับความชื้นในอากาศไปพร้อมๆ กัน โดยหลักการทำงานของเครื่อง Ôyer ที่ส่งผ่านความร้อน และเป่าลมนี่เอง ที่ช่วยให้เสื้อผ้าแห้งไวเร็วทันใจ
ขอขอบคุณ http://www.energysavingmedia.com
|
วิธีการแก้ปัญหาที่จอดรถจักรยานไม่พอของประเทศญี่ปุ่น !
ขึ้นชื่อว่าประเทศญี่ปุ่นแล ้ว แน่นอนว่าทุกคนต้องนึกถึงเท คโนโลยีสุดล้ำ นวัตกรรมใหม่ๆ และรวมถึงนวัตกรรมทางการศึก ษาด้วย (ใช่ค่ะ open approach นั่นเอง -..- )
ะ (เคยมีคนกล่าวไว้ว่า "สอบเข้ามาเรียนก็ว่ายากแล้ ว หาที่จอดรถในคณะยากยิ่งกว่า =..= )
วันนี้เราจะพาเพื่อนๆมารู้จ ักกับ "วิธีการแก้ปัญหา ที่จอดรถจักรยานไม่พอ" กันค่ะ ไปดูกันเล๊ยยยยยย~
จักรยาน เป็นวิธีการเดินทางที่เป็นท ี่นิยมมากในประเทศ “ญี่ปุ่น” (สังเกตได้จากการ์ตูนญี่ปุ่ น ที่พระเอกมักปั่นจักรยานไปเ รียน และมีนางเอกซ้อนท้ายค่ะ -//// - ) แต่อย่างไรก็ตาม พอคนใช้มากๆ เวลาจอด ก็กินพื้นที่มากเป็นธรรมดา ซึ่งก็เป็นการไปกินพื้นที่ทางเด ิน ทางเท้า หรือร้านค้าอีก
มาดูวิธีการแก้ปัญหาของชาวญ ี่ปุ่นกันค่ะ แทนที่จะต้องสร้างอาคารจอดจ ักรยานวุ่นวาย จอดมันใต้ดินนี่แหละดีที่สุ ด ทั้งป้องกันการขโมยได้ดี กันสภาพอากาศ แถมเพิ่มพื้นที่บนพื้นดินไว ้ใช้ทำอย่างอื่นได้อีกด้วย!
และนี่คือ ECO Cycle ที่จอดรถจักรยานใต้ดินที่ปล อดภัยจากการเกิดแผ่นดินไหว ที่ออกแบบโดย Giken
ECO Cycle คือที่จอดรถจักรยานอัตโนมัต ิออกแบบโดย Giken สามารถเก็บได้มากสุด 204 คัน และสามารถเรียกจักรยานคืนออ กจากที่จอดได้ภายใน 13 วินาทีเท่านั้น! และนี่คือวิธีการทำงานของ ECO Cycle ค่ะ
และนี่คือ ECO Cycle ที่จอดรถจักรยานใต้ดินที่ปล
ECO Cycle คือที่จอดรถจักรยานอัตโนมัต
มาดูวิธีการทำงานภายในของเจ้าเครื่อง ECO Cycle กันดีกว่าค่ะ
เจ๋งสุดๆไปเลย! คณะเราน่าจะเอามาใช่มั่งเนา
ขอขอบคุณ http://www.kiitdoo.com/
มือถือไร้แบต !
ในวันนี้ เราขอนำเสนอโทรศัพท์ที่ไม่ต ้องใช้แบตลิเที่ยม โอ้วว ได้ยินไม่ผิดหรอกค่ะ โทรศัพท์เครื่องนี้ไม่มีตัว แบตจริงๆ แต่เราจใช้อะไรให้เป็นแหล่ง พลังงานดีล่ะ?? คำตอบก็คือ... "โค้ก" ค่ะ
เป็นอีกหนึ่งไอเดียล้ำโลกสุ ดๆเลยนะคะ ผลงานการออกแบบโดย Daizi Zheng ที่ทำการออกแบบโทรศัพท์ที่เ ป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้แก ่โทรศัพท์แบนด์ดังอย่าง Nokia ที่จะทำงานโดยใช้พลังงานจาก เครื่องดื่มอย่าง “Coca-Cola” ใช่แล้วล่ะ คุณไม่ได้อ่านผิด เพราะเชื้อเพลิงที่ได้นั้นม าจากน้ำตาลที่อยู่ใน coke และมันสามารถหาได้จากเครื่อ งดื่มที่ใส่น้ำตาลจำนวนมาก ไม่เพียงแค่จากcoke เท่านั้น ซึ่งเป็นแนวคิดในการใช้ Bio battery แทนการใช้แบตเตอรี่แบบดั้งเ ดิม และลดการสร้างมลพิษให้แก่สิ ่งแวดล้อมอีกด้วย โดยการใช้ Bio battery เป็นแหล่งพลังงานของโทรศัพท ์ที่ต้องการเพียงความหวานจา กเครื่องดื่ม และออกซิเจนที่เกิดจากน้ำนั ้นในเวลาที่แบตเตอรี่หลักนั ้นหมด ในการชาร์ต Bio battery แต่ละครั้งนั้นจะได้พลังงาน มากกว่า lithium battery ประมาณ 3-4 เท่า
น่าสนใจไม่น้อยเลยใช่มั้ยคะ
ขอขอบคถณ http://www.energysavingmedia.com
โฮโลแกรม เทคโนโลยีเสมือนจริงสุดล้ำ !
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ในสัปดาห์นี้เราขอนำเสนอนวัตกรรมที่จะเรียกว่าใหม่ก็ไม่เชิง จะเรียกว่าเก่าก็ไม่ใช้ ให้เพื่อนๆได้รับชมกันค่ะ
นวัตกรรมที่ว่านั้นก็คือ "โฮโลแกรม" ค่ะ
เพื่อนๆคงเคยได้ยินคำนี้มากันบ้างล้วนะคะ ไม่ว่าจะได้ยินจากการ์ตูน "Cloudy with a Chance of Meatballs 2 (มหัศจรรย์ของกินดิ้นได้)" ที่ตัวร้ายมีภาพโฮโลแกรมนั่นเอง หรือใครที่เป็นแฟนคลับญี่ปุ่น คงเคยเห็นไอดอลสาวที่ชื่อ "มิคุ" ซึ่งมิคุไม่มีตัวตนอยู่จริงๆ ดังนั้นในงานคอนเสิร์ตของมิคุ มิคุจึงปรากฎตัวในภาพโฮโลแกรม และล่าสุด "พี่บิ๊ก D2B" ก็เพิ่งหวนคืนเวทีคอนเสิร์ต สร้างเซอร์ไพร์สให้กับแฟนๆมากมายเลยค่ะ เกริ่นมายาวพอควรแล้ว เราไปรู้จักกับนวัตกรรมนี้กันเลยค่ะ
ฮอโลแกรม (Hologram) คือ เทคโนโลยีภาพ 3 มิติชั้นสูง ที่มีทั้งมิติกว้าง ยาว และสูง โดยอาศัยแสงเลเซอร์และปรากฏการณ์แทรกสอดบนแสง ทำให้ภาพออกมามีความชัด นูนมีมิติ คล้ายกับสามารถจับต้องได้จริงๆ ฉะนั้นประโยชน์ของฮอโลแกรมก็คือ ได้ภาพเสมือนจริงที่เหมาะกับการนำไปใช้งานตามรูปแบบและโอกาสต่างๆ
Hatsune Miku นักร้องสาวชาวญี่ปุ่นที่เป็นเพียงการ์ตูนแอนิเมชั่น
โลดแล่นอยู่บนเวทีคอนเสิร์ตด้วยเทคโนโลยีฮอโลแกรม (Hologram)
แฟนคลับกรี๊ดกร๊าดเหมือนได้เจอศิลปินจริง
โลดแล่นอยู่บนเวทีคอนเสิร์ตด้วยเทคโนโลยีฮอโลแกรม (Hologram)
แฟนคลับกรี๊ดกร๊าดเหมือนได้เจอศิลปินจริง
ฮอโลแกรม (Hologram) ถูกสร้างขึ้นด้วยกระบวนการที่เรียกว่า ฮอโลกราฟี (Holography) เทคนิคที่่ช่วยให้แสงกระจายจากวัตถุที่บันทึกและถูกสร้างขึ้นใหม่ ให้เป็นวัตถุปรากฎอยู่ในตำแหน่งเดิม ซึ่งเป็นเทคนิคการบันทึกด้วยการใช้แสงที่มีหน้าคลื่นสอดคล้องกัน ภาพที่ออกมาจึงเป็น 3 มิตินั่นเอง
อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีฮอโลแกรม (Hologram) ไม่ได้เกิดที่แรกที่ประเทศไทยค่ะ หากนับย้อนกลับไปถึงที่มานั้น พบว่าฮอโลแกรมถูกค้นพบตั้งแต่ปี ค.ศ.1947 โดยวิศวกรไฟฟ้าชาวอังกฤษ ชื่อว่า เดนนิส กาบอร์ ซึ่งพบโดยบังเอิญขณะทำการปรับปรุงคุณภาพกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนที่บริษัท British Thomson-Houston ณ ประเทศอังกฤษ หลังจากนั้นได้นำมาใช้อย่างแพร่หลาย
วิดีโอตัวอย่างภาพโฮโลแกรมจากสถานีโทรทัศน์ช่อง CNN
ขอขอบคุณ http://www.dek-d.com
สุดยอดแห่งการประหยัดและพกพา นวัตกรรมเครื่องพิมพ์ไร้ตลับหมึก เครื่องเล็กที่สุดในโลก
เพื่อนๆเคยประสบปัญหาการหาร
" เครื่องพิมพ์ขนาดเล็กไร้ตลับหมึก แบบพกพา"
การทำงานและเอกสารเป็นของขอ
“PlanOn’s Printstik PS905ME” เครื่องพิมพ์รุ่นนี้มาพร้อม
โดยน้ำหนักของตัวเครื่องอยู
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้
ขอขอบคุณ http://www.energysavingmedia.com/
วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
รถไม่ต้องล้าง !
นวัตกรรมใหม่ๆในสัปดาห์นี้ เราขอนำเสนอ "รถไม่ต้องล้าง" อื้อหืออออ แค่ชื่อก็ถูกใจแล้วใช่มั้ยล่ะคะ เหมาะกับคนที่ไม่ชอบล้างรถบ่อยๆเลยนะคะ เรามาดูรายละเอียดเกี่ยวกับนวัตกรรมนี้กันเลยค่ะ
วิศวกรของ nissan ที่เมืองซันเดอร์แลนด์ กำลังทดสอบ “เทคโนโลยีสีนาโน” ซึ่งทำให้ฝุ่นไม่จับสีตัวถังรถ “นิสสันโน้ตเป็นรถรุ่นแรกที่ทดสอบสี ซึ่งจะทำให้การล้างรถกลายเป็นเรื่องโบราณ” โฆษกบริษัทบอก
nissan note ออกขายในอังกฤษเมื่อเดือนตุลาคม ในราคา 12,100-17,100 ปอนด์ ยังไม่การตั้งราคาตัวเลือกสีชนิดใหม่นี้ แต่คาดว่าจะตกประมาณ 450 ปอนด์ หรือราว 24,500 บาท นับว่าราคาใกล้เคียงกับสีเมทัลลิก
นักวิทยาศาสตร์ได้พัฒนา “สีไล่น้ำ-ไล่น้ำมัน” ชนิดนี้ขึ้ nissan บอกว่า เป็นเจ้าแรกที่นำผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในชื่อเครื่องหมายการค้า อัลตร้า-เอเวอร์ ดราย มาใช้กับตัวถังรถยนต์ โดยจะทดสอบในสนามใช้งานจริงที่เบดฟอร์ดเชียร์
โฆษก nissan อธิบายว่า สีไล่คราบที่ว่านี้ มีชั้นอากาศป้องกันสีตัวถังจากสภาพแวดล้อม ทำให้น้ำและละลองไม่เกาะตัวเป็นรอยเปื้อนบนพื้นผิวของรถ
ได้ติดตั้งฟังก์ชั่น “ล้างและเป่าแห้ง” ที่กล้องมองหลังแล้ว โดยใช้น้ำและลมล้างฝุ่นออกจากเลนส์กล้อง เพื่อให้เซนเซอร์สามารถทำงานได้ในทุกสภาพ
ชมคลิปการทดสอบสีนาโนโดยบริษัทนิสสัน
เท่าที่ทดสอบ สีเคลือบดังกล่าวใช้ได้ผลดีในสภาพการใช้งานปกติ เช่น เมื่อเจอน้ำฝน ละออง ฝ้าน้ำแข็ง หรือน้ำ
แหม... คงถูกใจเพื่อนๆบ้างนะคะ ประหยัดทั้งค่าล้างรถแล้วก็ประหยัดทั้งเวลาเลยค่ะ แถมยังขับลุยๆได้ตามสบาย ทีนี้ในหน้าฝนเราก็ไม่ต้องกลัวว่ารถของเราจะเปื้อนดิน เปื้อนโคลนกันแล้วนะคะ
ขอขอบคุณ http://board.postjung.com
และ youtube.com
undercover colours ยาทาเล็บสูตรพิเศษ!
ปกติแล้วถ้าพูดถึง นวัตกรรม เรามักจะคิดถึงพวกเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำนำสมัย แต่ในสัปดาห์นี้เราจะขอนำเสนอนวัตกรรมในด้านอื่นบ้างนะคะ
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ! เมื่อ 4 นักศึกษาหนุ่มชาวอเมริกัน จาก มหาวิทยาลัยนอร์ธ คาโรไลน่า ได้คิดค้นน้ำยาทาเล็บสูตรพิเศษ ที่ชื่อว่า สีสายลับ (Undercover Colors) เพื่อป้องกันปัญหาการถูกมอมยาจนนำไปสู่การถูกข่มขืน
วิธีใช้ก็แสนง่าย หลังจากที่ทาเล็บเรียบร้อยแล้ว หากต้องการทดสอบว่าเครื่องดื่มแก้วนั้นมีสารมอมยาหรือไม่ เพียงแค่ใช้นิ้วที่ทาเล็บด้วยสารพิเศษจุ่มลงไปในแก้ว หากยาทาเล็บเปลี่ยนสี แสดงว่าคุณกำลังถูกมอมยา
สาวๆ สามารถป้องกันตัวเองจากภัยใกล้ตัว จากการไปงานเลี้ยงสังสรรค์ งานปาร์ตี้ หรือไปงานกลางคืนต่างๆ ที่จะเป็นภัยเสี่ยงต่อการถูกข่มขืนแบบไม่รู้ตัว แฟชั่นไม่เป็นเพียงแค่ความสวยงามอีกต่อไป แต่เราสามารถนำมาป้องกันภัยจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศได้อีกด้วย
ประเทศอเมริกาปัญหาการรถูกข่มขืน สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการถูกมอมยาในขณะที่ยังเรียนมหาวิทยาลัย เพราะ ยาชนิดนี้ไร้สี ไร้กลิ่น เมื่อดื่มแล้วจะทำให้เกิดอาการอ่อนแรง และหมดสติในที่สุด
นักศึกษากลุ่มนี้ยังเปิดเพจเพื่อขอรับบริจาคเงินเพื่อนำไปพัฒนาสูตรน้ำยาทาเล็บ โดยใช้ชื่อเพจบนเฟสบุ๊คว่า undercover colors แนวคิดนี้เกิดจากที่เพื่อนของพวกเขาเคยมีประสบการณ์อันเลวร้ายจากการถูกข่มขืนเพราะถูกมอมยา พวกเขาจึงหวังว่าผู้หญิงจะไม่ตกเป็นเหยื่อจากการถูกมอมยาอีกต่อไป
เพื่อนๆสามารถติดต่อนักศึกษาเพื่อบริจาคได้ที่
https://www.facebook.com/undercovercolors
https://www.facebook.com/undercovercolors
ขอขอบคุณ www.dek-d.com
ที่เย็บกระดาษโดยไม่ต้องใช้ลวดเย็บกระดาษ
เพื่อนๆเคยประสบปัญหาลวดเย็บกระดาษหมดใช่มั้ยคะ...ปัญหานี้จะไม่มากวนใจเราอีกเลยหากเราใช้นวัตกรรมนี้แทนที่เย็บกระดาษธรรมดาๆค่ะ
นี่ไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์ในธีมรณรงค์โลกร้อนอย่างที่ฮิตๆ แต่สิ่งประดิษฐ์เพื่อโลกชิ้นนี้ช่วยโลกร้อนด้วยคุณสมบัติของตัวมันเอง สิ่งประดิษฐ์ที่น่ายกย่องในความ(ช่าง)คิดของคนญี่ปุ่นชิ้นนี้ต้องขอชมว่าคุณสมบัติของมันนั้นยอดเยี่ยมเลยทีเดียว เพราะเจ้าสิ่งประดิษฐ์นี้ก็คือ “ที่เย็บกระดาษแบบไม่ต้องใช้ลวดเย็บกระดาษ” เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ช่วยลดขยะอันเกิดจากลวดเย็บกระดาษซึ่งแม้จะเป็นเพียงสิ่งเล็กๆ แต่ก็มีการใช้งานในปริมาณมหาศาลเลยทีเดียว
หลักการทำงานของเจ้าเครื่องนี้นั้นน่าทึ่งไม่น้อยเลยล่ะ เพราะกลไกที่คิดประดิษฐ์ขึ้นนั้นไม่ใช่การประดิษฐ์อีกสิ่งเพื่อมาใช้แทนลวดเย็บกระดาษ (ทำให้เกิดขยะชิ้นใหม่เพิ่ม) แต่มันเป็นการทำกระดาษที่เราจะเย็บนั้นแหละให้เป็นตัวยึดติดกระดาษด้วยกันเอง ซึ่งการทำงานนั้นเจ้าเครื่องนี้จะเจาะกระดาษให้เป็นรูแล้วกรีดให้เป็นตัวล็อก หลังจากนั้นก็จะมีกระบวนการนำกระดาษมาเหน็บเพื่อเย็บติดกันด้วยกระดาษโดยอัตโนมันติ (ดูวิดีโอประกอบอาจเข้าใจยิ่งขึ้น) เสร็จแล้วก็จะได้กระดาษที่เย็บติดกันดังรูปล่ะ
ขอขอบคุณ http://www.energysavingmedia.com
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)