วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

รถไม่ต้องล้าง !



          นวัตกรรมใหม่ๆในสัปดาห์นี้ เราขอนำเสนอ "รถไม่ต้องล้าง" อื้อหืออออ แค่ชื่อก็ถูกใจแล้วใช่มั้ยล่ะคะ เหมาะกับคนที่ไม่ชอบล้างรถบ่อยๆเลยนะคะ เรามาดูรายละเอียดเกี่ยวกับนวัตกรรมนี้กันเลยค่ะ
          
          วิศวกรของ nissan ที่เมืองซันเดอร์แลนด์ กำลังทดสอบ “เทคโนโลยีสีนาโน” ซึ่งทำให้ฝุ่นไม่จับสีตัวถังรถ “นิสสันโน้ตเป็นรถรุ่นแรกที่ทดสอบสี ซึ่งจะทำให้การล้างรถกลายเป็นเรื่องโบราณ” โฆษกบริษัทบอก
          nissan note ออกขายในอังกฤษเมื่อเดือนตุลาคม ในราคา 12,100-17,100 ปอนด์ ยังไม่การตั้งราคาตัวเลือกสีชนิดใหม่นี้ แต่คาดว่าจะตกประมาณ 450 ปอนด์ หรือราว 24,500 บาท นับว่าราคาใกล้เคียงกับสีเมทัลลิก

         นักวิทยาศาสตร์ได้พัฒนา “สีไล่น้ำ-ไล่น้ำมัน” ชนิดนี้ขึ้ nissan บอกว่า เป็นเจ้าแรกที่นำผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในชื่อเครื่องหมายการค้า อัลตร้า-เอเวอร์ ดราย มาใช้กับตัวถังรถยนต์ โดยจะทดสอบในสนามใช้งานจริงที่เบดฟอร์ดเชียร์

           โฆษก nissan อธิบายว่า สีไล่คราบที่ว่านี้ มีชั้นอากาศป้องกันสีตัวถังจากสภาพแวดล้อม ทำให้น้ำและละลองไม่เกาะตัวเป็นรอยเปื้อนบนพื้นผิวของรถ

          ได้ติดตั้งฟังก์ชั่น “ล้างและเป่าแห้ง” ที่กล้องมองหลังแล้ว โดยใช้น้ำและลมล้างฝุ่นออกจากเลนส์กล้อง เพื่อให้เซนเซอร์สามารถทำงานได้ในทุกสภาพ


ชมคลิปการทดสอบสีนาโนโดยบริษัทนิสสัน


          เท่าที่ทดสอบ สีเคลือบดังกล่าวใช้ได้ผลดีในสภาพการใช้งานปกติ เช่น เมื่อเจอน้ำฝน ละออง ฝ้าน้ำแข็ง หรือน้ำ

         แหม... คงถูกใจเพื่อนๆบ้างนะคะ ประหยัดทั้งค่าล้างรถแล้วก็ประหยัดทั้งเวลาเลยค่ะ แถมยังขับลุยๆได้ตามสบาย ทีนี้ในหน้าฝนเราก็ไม่ต้องกลัวว่ารถของเราจะเปื้อนดิน เปื้อนโคลนกันแล้วนะคะ

ขอขอบคุณ http://board.postjung.com
และ youtube.com

undercover colours ยาทาเล็บสูตรพิเศษ!



         ปกติแล้วถ้าพูดถึง นวัตกรรม เรามักจะคิดถึงพวกเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำนำสมัย แต่ในสัปดาห์นี้เราจะขอนำเสนอนวัตกรรมในด้านอื่นบ้างนะคะ

         ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ! เมื่อ 4 นักศึกษาหนุ่มชาวอเมริกัน จาก มหาวิทยาลัยนอร์ธ คาโรไลน่า ได้คิดค้นน้ำยาทาเล็บสูตรพิเศษ ที่ชื่อว่า สีสายลับ (Undercover Colors) เพื่อป้องกันปัญหาการถูกมอมยาจนนำไปสู่การถูกข่มขืน

         วิธีใช้ก็แสนง่าย หลังจากที่ทาเล็บเรียบร้อยแล้ว หากต้องการทดสอบว่าเครื่องดื่มแก้วนั้นมีสารมอมยาหรือไม่ เพียงแค่ใช้นิ้วที่ทาเล็บด้วยสารพิเศษจุ่มลงไปในแก้ว หากยาทาเล็บเปลี่ยนสี แสดงว่าคุณกำลังถูกมอมยา

          สาวๆ สามารถป้องกันตัวเองจากภัยใกล้ตัว จากการไปงานเลี้ยงสังสรรค์ งานปาร์ตี้ หรือไปงานกลางคืนต่างๆ ที่จะเป็นภัยเสี่ยงต่อการถูกข่มขืนแบบไม่รู้ตัว แฟชั่นไม่เป็นเพียงแค่ความสวยงามอีกต่อไป แต่เราสามารถนำมาป้องกันภัยจากการถูกล่วงละเมิดทางเพศได้อีกด้วย
ประเทศอเมริกาปัญหาการรถูกข่มขืน สาเหตุส่วนใหญ่มาจากการถูกมอมยาในขณะที่ยังเรียนมหาวิทยาลัย เพราะ ยาชนิดนี้ไร้สี ไร้กลิ่น เมื่อดื่มแล้วจะทำให้เกิดอาการอ่อนแรง และหมดสติในที่สุด


          นักศึกษากลุ่มนี้ยังเปิดเพจเพื่อขอรับบริจาคเงินเพื่อนำไปพัฒนาสูตรน้ำยาทาเล็บ โดยใช้ชื่อเพจบนเฟสบุ๊คว่า undercover colors แนวคิดนี้เกิดจากที่เพื่อนของพวกเขาเคยมีประสบการณ์อันเลวร้ายจากการถูกข่มขืนเพราะถูกมอมยา พวกเขาจึงหวังว่าผู้หญิงจะไม่ตกเป็นเหยื่อจากการถูกมอมยาอีกต่อไป



         แต่ตอนนี้ยาทาเล็บนี้ก็กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่ว่าเหมาะสมหรือไม่ เพราะอาจจะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่สำหรับผู้หญิงอย่างเราๆแล้ว การป้องกันนั้นดีที่สุด ดีกว่าวัวหายแล้วล้อมคอกนะคะ อ้อ แล้ว undercover colours นี้ก็กำลังถูกวิจารณ์อีกเรื่องหนึ่งคือ มันไม่แฟร์สำหรับผู้ชาย เพราะผู้ชายก็สามารถถูกข่มขื่นได้เช่นเดียวกัน แต่เราคิดว่าผู้ชายก็สามารถทาได้เหมือนกัน เพราะยาทาเล็บเป็นสีใส คงไม่มีใครมานั่งจ้องเล็บเราหรอกเนาะว่าเราทาเล็บหรือเปล่า หากต้องการป้องกัน ก็สามารถทาได้ทั้งชายและหญิงค่ะ

เพื่อนๆสามารถติดต่อนักศึกษาเพื่อบริจาคได้ที่
https://www.facebook.com/undercovercolors

ขอขอบคุณ www.dek-d.com

ที่เย็บกระดาษโดยไม่ต้องใช้ลวดเย็บกระดาษ



         เพื่อนๆเคยประสบปัญหาลวดเย็บกระดาษหมดใช่มั้ยคะ...ปัญหานี้จะไม่มากวนใจเราอีกเลยหากเราใช้นวัตกรรมนี้แทนที่เย็บกระดาษธรรมดาๆค่ะ
         นี่ไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์ในธีมรณรงค์โลกร้อนอย่างที่ฮิตๆ แต่สิ่งประดิษฐ์เพื่อโลกชิ้นนี้ช่วยโลกร้อนด้วยคุณสมบัติของตัวมันเอง สิ่งประดิษฐ์ที่น่ายกย่องในความ(ช่าง)คิดของคนญี่ปุ่นชิ้นนี้ต้องขอชมว่าคุณสมบัติของมันนั้นยอดเยี่ยมเลยทีเดียว เพราะเจ้าสิ่งประดิษฐ์นี้ก็คือ “ที่เย็บกระดาษแบบไม่ต้องใช้ลวดเย็บกระดาษ” เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ช่วยลดขยะอันเกิดจากลวดเย็บกระดาษซึ่งแม้จะเป็นเพียงสิ่งเล็กๆ แต่ก็มีการใช้งานในปริมาณมหาศาลเลยทีเดียว



         หลักการทำงานของเจ้าเครื่องนี้นั้นน่าทึ่งไม่น้อยเลยล่ะ เพราะกลไกที่คิดประดิษฐ์ขึ้นนั้นไม่ใช่การประดิษฐ์อีกสิ่งเพื่อมาใช้แทนลวดเย็บกระดาษ (ทำให้เกิดขยะชิ้นใหม่เพิ่ม) แต่มันเป็นการทำกระดาษที่เราจะเย็บนั้นแหละให้เป็นตัวยึดติดกระดาษด้วยกันเอง ซึ่งการทำงานนั้นเจ้าเครื่องนี้จะเจาะกระดาษให้เป็นรูแล้วกรีดให้เป็นตัวล็อก หลังจากนั้นก็จะมีกระบวนการนำกระดาษมาเหน็บเพื่อเย็บติดกันด้วยกระดาษโดยอัตโนมันติ (ดูวิดีโอประกอบอาจเข้าใจยิ่งขึ้น) เสร็จแล้วก็จะได้กระดาษที่เย็บติดกันดังรูปล่ะ


         เป็นอย่างไรบ้างคะสำหรับนวัตกรรมชิ้นนี้ มีรูปทรงง่ายๆ พร้อมวิธีการใช้งานง่ายๆ และเป็นการช่วยโลกง่ายๆ นี้ เป็นความช่างคิดที่อยู่บนพื้นฐานของการช่วยลดปริมาณขยะโลกที่ดีเยี่ยมทีเดียวเลยล่ะค่ะ

ขอขอบคุณ http://www.energysavingmedia.com

DBA Pens ปากกาย่อยสลายได้



         DBA 98 Pen นั้นสร้างขึ้นจากพอลิเมอร์ที่สามารถย่อยสลายกลับสู่ธรรมชาติด้วยจุลินทรีย์ หรือเอมไซม์ ถึง 98% ซึ่งตัวปากกานั้นได้มีการออกแบบที่เรียบง่ายและสวยงาม อีกทั้งยังปราศจากสารพิษอีกด้วย โดย DBA 98 Pen นั้น ตัวกรอบของปากกานั้นทำมาจากพอลิเมอร์ชนิดที่สังเคราะห์จากวัตถุดิบที่เป็นแป้งอย่างมันสำปะหลัง โดยต้องนำแป้งมาผ่านกระบวนการหมักบ่มด้วยจุลิทรีย์ เพื่อให้ ได้ lactic acid monomer จากนั้นจึงนำไปผ่านกระบวนการสังเคราะห์เป็นพอลิเมอร์ นอกจากนี้ยังได้รับการรับรองจาก FSC เพราะมีการใช้แพคเกจที่ทำจากกระดาษรีไซเคิล 100% และใช้หมึกพิมพ์จากหมึกที่ทำจากผัก




ขอขอบคุณ http://energysavingmedia.com/

รถยนต์พลังงานไฟฟ้า ติดเครื่อง'เจ็ต'จาก'จากัวร์'



         ในช่วงวิกฤตการน้ำมันราคาแพงอย่างนี้ (ถึงแม้ว่าจะปรับลดลงไปแล้วลิตรละ 3-4 บาทแล้วก็เถอะ) เพื่อลดภาวะโลกร้อนและประหยัดน้ำมันที่กำลังร่อนหรอลงทุกที เราขอนำเสนอ ‪‎รถยนต์สปอร์ตพลังงานไฟฟ้า‬

         ผู้ผลิตรถยนต์หรูจากประเทศอังกฤษ เปิดตัวรถยนต์สปอร์ตพลังงานไฟฟ้า จากัวร์ รุ่น "C-X 75" ภายใต้คอนเซป “beautiful, fast, and sustainable”ภายในงานจัดแสดงมหกรรมยานยนต์ที่กรุงปารีส ตัวถังหรูหราในสีบรอนซ์เงิน เป็นไฮบริด ติดตั้งเครื่องยนต์เจ็ตอากาศยาน ขับเคลื่อนจากมอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัว ส่งกำลังไปยังล้อทั้งสี่โดยพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ Lithium-ion ภายใน 3.5 วินาที ทำความเร็วได้ 100 ก.ม./ช.ม. และ 160 ก.ม./ช.ม. ได้ภายใน 5.5 วินาที และทำความเร็วสูงสุดถึง 322 ก.ม./ช.ม.

         หากขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าอย่างเดียวจะสามารถไปไกลได้ประมาณ 110 กิโลเมตร จากนั้นสามารถใช้เครื่องยนต์ก๊าซเทอร์ไบน์ 2 เครื่องด้านหลังที่ใช้น้ำมันเพื่อเพิ่มพลังไฟฟ้าให้กับมอเตอร์ทั้งสี่ ระยะทางจะเพิ่มเป็น 901 ก.ม. เท่ากับขับจากลอนดอนไปยังกรุงเบอร์ลิน ด้วยน้ำมันเชื้อเพลิง 60 ลิตร คิดแล้วจะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 28 กรัม/ก.ม. ซึ่งอยู่ในเกณฑ์น้อย

ราคา : ประมาณ 9,600,000 บาท
ผู้จำหน่าย : JAGUAR CARS (THAILAND)

มีใครสนใจซื้อสักคันเพื่อประหยัดค่าน้ำมันบ้างไหมคะ  ^_^ 

ขอขอบคุณ http://www.energysavingmedia.com


นวัตกรรมอัจฉริยะ เปลี่ยนกระดาษใช้แล้วเป็นดินสอได้



           ในการลดปริมาณกระดาษใช้แล้ว นอกจากการเปลี่ยนกระดาษที่ใช้แล้วให้กลายเป็นกระดาษหน้าที่สามหรือกระดาษอักษรเบลล์สำหรับผู้พิการทางสายตาแล้ว เรายังสามารถเปลี่ยน กระดาษ ให้กลายเป็น ดินสอ ได้อีกด้วย !!

        นักออกแบบชาวจีนสร้างสรรค์นวัตกรรมสุดอัจฉริยะ ด้วยอุปกรณ์เปลี่ยนขยะกระดาษที่ท่วมท้นสำนักงานเป็นดินสอกลับมาใช้ใหม่ได้

Chengzhu Ruan, Yuanyuan Liu, Xinwei Yuan และ Chao Chen  นักออกแบบชาวจีนทั้ง 4 นั้นได้นำเสนอทางออกที่แสนชาญฉลาด กับปัญหาขยะกระดาษที่ต้องคอยกำจัดทิ้ง มาเป็นดินสอที่มีความต้องการใช้อยู่ทุกวัน ด้วยนวัตกรรมเปลี่ยนกระดาษใช้แล้วเป็นดินสอที่เรียกว่า “P&P Office Waste Processor

โดยอุปกรณ์ตัวนี้นั้น สามารถผลิตดินสอรีไซเคิลได้โดยการสอดแผ่นกระดาษใช้แล้วลงด้านบนของอุปกรณ์ จากนั้นกระดาษจะมีการอัดแน่นรอบแท่งแกร์ไฟต์ จนกลายเป็นแท่งดินสออกมา 

ด้วยแนวคิดนวัตกรรมแสนอัจฉริยะ อุปกรณ์ชิ้นนี้จึงได้รับรางวัลชนะเลิศในการออกแบบ และถึงแม้จะยังไม่มีเป็นผลิตภัณฑ์ออกมา แต่เชื่อว่าด้วยคุณสมบัติการใช้งาน นั้นจะสามารถตีตลาดและเป็นที่นิยมในหมู่โรงเรียนสำนักงาน สถานที่ราชการทั่วไปได้ไม่ยาก 



ขอขอบคุณ http://www.energysavingmedia.com/

วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Chapter 10 การประเมินคุณภาพสื่อการเรียนรู้

ภารกิจ (กลุ่ม)

                               
สถานการณ์ปัญหา(Problem-based learning)
ท่านเป็นศึกษานิเทศก์ซึ่งรับผิดชอบหน้าที่ในการพัฒนาครูเกี่ยวกับการออกแบบและผลิตสื่อวันหนึ่งมีครูสองคนมาปรึกษาว่าจะมีวิธีการที่ทำให้รู้ว่าสื่อที่สร้างขึ้นมานั้นมีคุณภาพได้อย่างไร ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
-ครูสายใจเป็นครูสังคมศึกษาได้พัฒนาชุดการสอน
-ครูสมหญิงเป็นครูสอนวิชาวิทยาศาสตร์ได้พัฒนาสิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้
-ครูมาโนชเป็นสอนวิชาภาษาได้พัฒนาชุดสร้างความรู้
-ครูประพาสเป็นครูสอนวิชาคอมพิวเตอร์ได้พัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนเพื่อใช้ในการเรียนของตนเอง
ภารกิจ
          1. เลือกวิธีการประเมินคุณภาพสื่อให้สอดคล้องกับลักษณะของสื่อของครูแต่ละคนพร้อมทั้งให้เหตุผล
-ครูสายใจ และ ครูประพาส ที่ได้ทำการพัฒนาชุดการสอน และพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนตามลำดับ ควรเลือก“การประเมินสื่อการสอน” ในการประเมินคุณภาพสื่อ เพราะสื่อทั้งสองต่างเป็นสื่อที่สอดคล้องกับแนวคิดกลุ่มพฤติกรรมนิยม ซึ่งเชื่อว่า การเรียนรู้คือการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ซึ่งเป็นผลมาจากความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งเร้าและการตอบสนอง ซึ่งการเรียนรู้นั้นจะคงทนหากได้รับการเสริมแรง การฝึกหัด การทำซ้ำๆ เป็นต้น สังเกตได้จากสื่อทั้งสองมักจะมีแบบฝึกหัดก่อนเรียน-หลังเรียนเพื่อให้วัดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้เรียนหลังจากรับสื่อนั้นๆแล้ว
-ครูสมหญิง และ ครูมาโนช ที่ได้ทำการพัฒนาสิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้ และพัฒนาชุดสร้างความรู้ตามลำดับ ควรเลือกวิธี “การประเมินสื่อการเรียนรู้และสิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้”ในการประเมินคุณภาพสื่อ เพราะสื่อทั้งสองนั้นไม่สามารถประเมินในเชิงปริมาณได้เพียงอย่างเดียว จำเป็นต้องสนใจการประเมินในเชิงคุณภาพด้วย เพื่อส่งเสริมกระบวนการรู้คิดหรือกระบวนการทางพุทธิปัญญา (Cognitive process) ซึ่งการเพิ่มการประเมินเชิงคุณภาพเข้ามานั้น จะช่วยให้สามารถนำสื่อนวัตกรรมการเรียนรู้หรือสิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้มาปรับปรุงให้มีคุณภาพหรือประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นได้ มีหลักการที่สำคัญที่ควรพิจารณา ประกอบด้วย (1) การประเมินด้านผลผลิต (2) การประเมินบริบทการใช้ (3) การประเมินด้านความสามารถทางสติปัญญา (4) การประเมินด้านความคิดเห็น (5) การประเมินผลสัมฤทธิ์

2. อธิบายข้อจำกัดของการประเมินสื่อการสอน
การประเมินสื่อการสอน จะเป็นการประเมินข้อมูลในเชิงปริมาณเท่านั้น นั่นคือ สนใจเพียงคะแนนของผู้เรียนจากการทำกิจกรรมหรือแบบทดสอบก่อน-หลังเรียนเท่านั้น การประเมินสื่อการสอนจึงไม่สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ที่เปลี่ยนจากการใช้สื่อเพื่อถ่ายทอดความรู้เป็น สื่อหรือเทคโนโลยีทางปัญญา (Cognitive technology) ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมกระบวนการรู้คิดหรือกระบวนการทางพุทธิปัญญา (Cognitive process) หมายความว่า การประเมินสื่อการสอนไม่สามารถบอกได้ว่าผู้เรียนรู้สึกอย่างไรต่อสื่อ ไม่สนใจว่าสื่อนั้นสามารถกระตุ้นและสร้างปฏิสัมพันธ์ให้เกิดกับผู้เรียนได้หรือไม่ การประเมินสื่อการสอนจึงไม่ได้เป็นไปเพื่อการพัฒนาสื่อให้เกิดประสิทธิภาพอย่างแท้จริง
3. เปรียบเทียบความแตกต่างของแนวคิดการประเมินสื่อการสอน สื่อการเรียนรู้และ
สิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้
การประเมินสื่อการสอน 
การประเมินสื่อการเรียนรู้และสิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้

สอดคล้องกับแนวคิด
กลุ่มพฤติกรรมนิยม
สอดคล้องกับแนวคิด
กลุ่มพุทธิปัญญานิยม
บทบาทของผู้เรียนเป็นผู้ที่รอรับความรู้
บทบาทของผู้เรียนเป็นผู้แก้สถานการณ์ปัญหา
สื่อการสอนเป็นตัวกลางที่ถ่ายทอดเนื้อหาหรือความรู้
สื่อเป็นเทคโนโลยีทางปัญญา (Cognitive technology) ที่มุ่งเน้นการ
ส่งเสริมกระบวนการรู้คิด
ประเมินในเชิงปริมาณเท่านั้น
ประเมินในเชิงคุณภาพและปริมาณ
การประเมินไม่สามารถนำไปสู่การพัฒนาสื่อที่มีประสิทธิภาพได้
การประเมินสามารถนำไปสู่การพัฒนาสื่อที่มีประสิทธิภาพได้




สรุปข้อความรู้ (เดี่ยว)



Chapter9การเลือกใช้สื่อและวิธีการจัดการเรียนรู้


                           
สถานการณ์ปัญหา(Problem-based learning)
         ครูพลกิต เป็นครูที่พึ่งมาบรรจุใหม่หลังจากที่รายงานตัวต่อสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประจำจังหวัดที่สังกัดแล้วก็ไปรายงานตัวต่อโรงเรียนซึ่งเป็นโรงเรียนประจำจังหวัด ผู้อำนวยการโรงเรียนมอบหมายให้ครูพลกิตสอนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 และเป็นห้องเด็กเก่งด้วย ยิ่งทำให้ครูพลกิตรู้สึกไม่มั่นใจในการสอนว่าตนเองจะสามารถทำได้ดีหรือไม่และนักเรียนจะสนุกหรือสนใจในวิธีการสอนของตนเองหรือไม่ ที่สำคัญคือนักเรียนห้องนี้มีลักษณะที่ชอบค้นคว้า หาความรู้ กิจกรรมที่เน้นให้ปฏิบัติได้ลงมือกระทำ ฝึกคิดหรือที่ท้าทายการทำงานนักเรียนจะชอบมาก อีกทั้งยังเรียนพิเศษแบบเข้มข้นเนื้อหาในหนังสือเรียนส่วนใหญ่นักเรียนจะรู้และทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งมาก่อนแล้ว แต่ที่สังเกตได้ชัดคืนักเรียนจะแข่งกันเรียน ทำงานกลุ่มไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ซึ่งผู้อำนวยการโรงเรียนฝากความหวังไว้ที่ครูพลกิตเพื่อช่วยพัฒนาและแก้ปัญหาการเรียนรู้ของนักเรียนในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ห้องนี้ให้ได้


ภารกิจ (กลุ่ม)


1. ครูพลกิตจะมีหลักในการเตรียมความพร้อมเพื่อให้สามารถจัดการเรียนรู้ให้มี
ประสิทธิภาพได้อย่างไร
     การที่ครูพลกิตจะสามารจัดการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพได้นั้นจะต้องมีการเตรียมความพร้อมดังนี้
  1. การเตรียมสื่อการเรียนรู้
ผู้สอนจะต้องเตรียมความพร้อมของสื่อให้มีความสอดคล้องกับกระบวนการจัดการเรียนรู้
ตามแผนที่ได้ออกแบบไวา ในการใช้สื่อนั้นผู้สอนอาจแบ่งออกเป็น 3 ช่วง คือ ก่อน
การจัดการเรียนรู้ ระหว่างการจัดการเรียนรู้และหลังการจัดการเรียนรู
1. ก่อนการจัดการเรียนรู้
1.1 ผู้สอนและผู้เรียนควรมีการศึกษาวิธีการใช้งานสื่อและวิธีการจัดการเรียนรู้ให้
เกิดความช านาญ
1.2 ตรวจสอบความพร้อมของสื่อว่าสามารถใช้งานได้จริง
1.3 เก็บสื่อและวัสดุการเรียนให้ง่ายและสะดวกต่อการใช้งาน
1.4 กรณีใช้สื่อที่มีเสียงประกอบหรือวีดิทัศน์ ควรทดสอบว่าสามารถแสดงผลได้
ตามที่ต้องการหรือไม่
1.5 ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสื่อต่างๆนั้นผู้เรียนสามารถมองเห็นหรือได้ยินอย่างทั่วถึง
ในชั้นเรียน
2. ระหว่างการจัดการเรียนรู้
2.1 มีการเน้นสาระส าคัญ ความคิดยอดที่ต้องการให้ผู้เรียนใส่ใจด้วยการเขียนบน
กระดานหรือเน้นลงในสื่อ
3. หลังการจัดการเรียนรู้
3.1 ปฏิบัติตามที่ก าหนดในบทเรียนด้วยการอภิปราย การท าโครงงานหรือกิจกรรม
อื่นๆที่ให้ผู้เรียนได้น าความรู้ไปใช้
  1. การเตรียมสิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้
                 ผู้สอนแบบมืออาชีพ จะต้องกำหนดหรือจัดเตรียมสิ่งแวดล้อมทางการเรียนรู้ที่ให้ผู้เรียน
สามารถสร้างประสบการณ์เรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าการจัดการเรียนรู้นั้นจะเกิดในห้องเรียน
ก็ต้องเตรียมความพร้อมของห้องเรียนให้น่าเรียน เอื้อต่อการจัดกิจกรรมกลุ่มหรือกิจกรรมการ
เรียนรู้อื่นๆ บางวิชาอาจต้องใช้ห้องปฏิบัติการดังเช่น วิทยาศาสตร์และภาษา ครูจะต้องเตรียมความ
พร้อมของห้องปฏิบัติการเหล่านั้นให้สามารถใช้การได้ทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ดังเช่น แสง
ไฟ เครื่องเสียง ปลั๊กไฟ หรืออุปกรณ์ทดลองเฉพาะ เป็นต้น ให้อุปกรณ์เหล่านั้นมีสภาพที่พร้อมใช้
งานได้จริง

การเตรียมผู้เรียน
เมื่อผู้สอนเริ่มจัดการเรียนรู้ ขั้นตอนแรกคือการเตรียมความพร้อมของผู้เรียน ซึ่งผู้เรียนจะเรียนรู้อะไรได้ดีนั้นขึ้นอยู่กับว่าผู้เรียนนั้นเตรียมตัวและเตรียมความพร้อมในการเรียนอย่างไร ผู้สอนจะดำเนินการจัดการเรียนรู้ตามที่วางแผนไว้เพราะผู้เรียนจะต้องเป็นผู้ลงมือปฏิบัติกิจกรรมในการเรียนรู้ด้วยตนเอง เนื่องจากนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ที่ครูพลกิตไ้ด้รับมอบหมายให้สอนเป็นเด็กที่มีการเตรียมความพร้อมอยู่แล้ว  ครูพลกิจควรที่จะเตรียมผู้เรียนโดยแนะนำนักเรียนไปก่อนว่าครั้งต่อไปจะสอนเรื่องอะไรนักเรียนจะได้ไปศึกษามาล่วงหน้า


การดำเนินการตามบทเรียน
หลังจากที่ได้เตรียมสื่อและผู้เรียนไปแล้ว  ครูพลกิต ควรดำเนินการตามขั้นตอนดังนี้
      1.ให้กิจกรรมการเรียนรู้ที่ชัดเจน ผู้สอนควรอธิบายภารกิจการเรียนรู้หรือ
สถานการณ์ให้ผู้เรียนทราบถึงแนวทางปฏิบัติในการเรียน และจะต้องตรวจสอบความเข้าใจของ
ผู้เรียนเกี่ยวกับขั้นตอนในการปฏิบัติกิจกรรม
     2.การกำหนดขั้นตอนในการเรียนรู้ ผู้สอนจะต้องวางขั้นตอนของกิจกรรมให้ง่าย
และขับเคลื่อนให้ผู้เรียนสามารถด าเนินการเรียนรู้ได้ตามเป้าหมายของกิจกรรม
      3.การสร้างแรงจูงใจในการเรียน ในการเรียนผู้เรียนจะต้องใส่ใจกับภารกิจที่ได้รับ
ผู้สอนสามารถสนับสนุนให้ผู้เรียนมีความตระหนักและตื่นตัวในการเรียน ด้วยการชี้น าให้ผู้เรียนเห็น
ถึงมุมมองที่หลากหลายเกี่ยวกับภารกิจทั้งประเด็นและแนวทางแก้ปัญหา การส่งเสริมให้ผู้เรียนมี
ปฏิสัมพันธ์กับสิ่งต่างที่อยู่รอบตัวเพื่อค้นหาแนวทางแก้ปัญหา
       4.การตั้งคำถามในระหว่างเรียน การตั้งคำถาม เป็นเทคนิคที่ผู้สอนสามารถใช้ใน
การกระตุ้นความสนใจเกี่ยวกับการเรียน การส่งเสริมให้ผู้เรียนได้คิด ทั้งยังเป็นการประเมินเพื่อ
พัฒนาความเข้าใจของผู้เรียนในขณะเรียนได้เป็นอย่างดี

2. ให้วิเคราะห์ว่าจะเลือกใช้สื่อหรือวิธีการจัดการเรียนรู้แบบใดจึงจะสอดคล้องกับ
ลักษณะการเรียนรู้ของผู้เรียนตามสถานการณ์ที่กำหนดให้
นักเรียนห้องนี้มีลักษณะที่ชอบค้นคว้า หาความรู้
กิจกรรมที่เน้นให้ปฏิบัติได้ลงมือกระทำ ฝึกคิดหรือที่ท้ายทายการท างานนักเรียนจะชอบมาก อีกทั้ง
ยังเรียนพิเศษแบบเข้มข้นเนื้อหาในหนังสือเรียนส่วนใหญ่นักเรียนจะรู้และท าความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
มาก่อนแล้ว แต่ที่สังเกตได้ชัดคือนักเรียนจะแข่งกันเรียน ท างานกลุ่มไม่ค่อยประสบความส าเร็จ
เท่าที่ควร ซึ่งผู้อ านวยการโรงเรียนฝากความหวังไว้ที่ครูพลกิตเพื่อช่วยพัฒนาและแก้ปัยหาการ
เรียนรู้


การใช้สื่อมัลติมีเดียและโปรแกรมคอมพิวเตอร์ประยุกต์
จากที่เด็กนักเรียนห้องนี้มีลักษณะที่ชอบค้นคว้า หาความรู้
กิจกรรมที่เน้นให้ปฏิบัติได้ลงมือกระทำ อีกทั้งยังเรียนพิเศษแบบเข้มข้นเนื้อหาในหนังสือเรียนส่วนใหญ่นักเรียนจะรู้และทำาความเข้าใจอย่างลึกซึ้งมาก่อนแล้วจึงเลือกใช้สื่อประเภทมัลติมีเดียและโปรแกรมคอมพิวเตอร์ เนื่องจากสามารถกระตุ้นความสนใจของผู้เรียนได้เป็นอย่างดี ฝึกให้ผู้เรียนได้ใช้
คอมพิวเตอร์ในการโต้ตอบและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้เรียนใ น ข ณ ะ เ รี ย น รู้ได้


การใช้สื่อประเภทวิธีการ
จะเลือกใช้การเรียนแบบร่วมมือ
 เนื่องจากว่าเด็กห้องนี้ขาดคุณลักษณะในการทำงานกลุ่ม   ดังนั้นจึงควรจัดการเรียนแบบร่วมมือ เพื่อให้เด็กได้เรียนร่วมกันเป็นกลุ่มแลกเปลี่ยนความรู้ รู้จักทำงานร่วมกัน ช่วยเหลือกันในการผสมผสาน
ความรู้ที่มีอยู่เดิมกับความรู้ใหม่ และค้นพบความหมายของสิ่งที่ศึกษาด้วยกลุ่ม โดยทำกิจกรรมใน
การสืบค้น (Explore) อภิปราย (Discuss) อธิบาย (Explain) สอบสวนแนวความคิดและแก้ปัญหา

ร่วมกันในกลุ่ม เพื่อบรรลุจุดมุ่งหมายร่วมกัน การเล่าเรื่องรอบวง (Round robin) เป็นเทคนิคการเรียนแบบร่วมมือที่เปิดโอกาสให้สมาชิกทุกคนในกลุ่มได้เล่าประสบการณ์ ความรู้ สิ่งที่ตนก าลังศึกษา สิ่งที่ตนประทับใจให้เพื่อนๆ ในกลุ่มฟัง


สรุปข้อความรู้ (เดี่ยว)



chapter 8 การผลิตสื่อกราฟิกเพื่อการเรียนการสอน


ภารกิจ chapter 8 (กลุ่ม)


                         
สถานการณ์ปัญหา(Problem-based learning)
ในคาบเรียนนี้นักศึกษาได้รับหน้าที่ในการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบวัสดุกราฟิกซึ่งปฏิบัติหน้าที่ประจำอยู่ที่คลินิก รับปรึกษาปัญหาการผลิตสื่อ ซึ่งในวันนี้ก็มีคุณครู 5 คน เข้ามาปรึกษากับคุณ ซึ่งประกอบด้วย
คุณครูแดน ต้องการนำเสนอเนื้อหาที่มีความสัมพันธ์ตั้งแต่ 2 สิ่งขึ้นไป และเนื้อหามีความเป็นนามธรรม ซึ่งครูแดนต้องการให้นักเรียนได้ความคิดรวบยอด (Concept) ของเรื่องที่สอน และช่วยในการสรุปเนื้อหาที่สอน
คุณครูรุท เป็น ครูสอนวิชาคอมพิวเตอร์และในการสอนวันนี้ต้องการให้นักเรียนเข้าใจถึงระบบการทำงานของระบบการทำงานของคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์
คุณครูอั้ม เป็นครูฝ่ายวิชาการของโรงเรียน ซึ่งจะต้องท าหน้าที่การสรุปสถิติจำนวนนักเรียนทุกระดับชั้น(ม.1 - ม.6) และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนทุกภาคการศึกษา เพื่อแสดงให้บุคลากรในโรงเรียนและบุคคลทั่วไปทราบ
คุณครูพอลล่า เป็นครูที่สอนในระดับอนุบาล ซึ่งต้องการเร้าความสนใจของนักเรียนให้นักเรียนเกิดความสนุกสนานและเกิดจินตนาการ
คุณครูศรราม เป็นครูฝ่ายปกครอง ซึ่งต้องการประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้นักเรียนหันมาเล่นกีฬา และให้นักเรียนห่างไกลยาเสพย์ติด
ภารกิจ
1. เลือกสื่อวัสดุกราฟิกที่เหมาะสมการลักษณะความต้องการของคุณครูแต่ละคน พร้อม
อธิบายเหตุผลในการเลือกและคุณลักษณะของวัสดุกราฟิกที่สำคัญที่เลือกใช้

คุณครูแดน ต้องการนำเสนอเนื้อหาที่มีความสัมพันธ์ตั้งแต่ 2 สิ่งขึ้นไป และเนื้อหามีความเป็นนามธรรม ซึ่งครูแดนต้องการให้นักเรียนได้ความคิดรวบยอด (Concept) ของเรื่องที่สอน และช่วยในการสรุปเนื้อหาที่สอน
วัสดุกราฟฟิกที่เหมาะสมกับความต้องการของครูแดนก็คือ แผนภูมิ โดยแผนภูมิที่ครูแดนควรเลือกใช้ก็คือ แผนภูมิตาราง เพราะ แผนภูมิสามารถแสดงเนื้อหาที่เป็นความสัมพันธ์ของสิ่งที่เป็นนามธรรมให้เข้าใจได้ง่ายมากขึ้น ทำให้ง่ายต่อการอธิบาย นอกจากนี้ครูแดนยังสามารถนำแผนภูมิมาใช้เพื่อสรุป/ทบทวนเนื้อหาได้อีกด้วย ซึ่งจะทำให้นักเรียนได้ความคิดรวบยิดที่กระชับและเป็นรูปแบบที่เข้าใจง่าย

คุณครูรุท เป็น ครูสอนวิชาคอมพิวเตอร์และในการสอนวันนี้ต้องการให้นักเรียนเข้าใจถึงระบบการทำงานของระบบการทำงานของคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์
        วัสดุกราฟฟิกที่เหมาะกับความต้องการของครูรุทก็คือ แผนภาพ  เพราะสามารถแสดงถึงภาพ/เค้าโครงของวัตถุต่างๆได้ดี และทำให้เห็นส่วนประกอบได้ง่าย โดยครูรุทสามารถนำแผนภาพโครงร่างของคอมพิวเตอร์มาอธิบายส่วนประกอบต่างๆของคอมพิวเตอร์ได้ และหากอยากเพิ่มความชัดเจนมากขึ้นก็สามารถนำรูปคอมพิวเตอร์จริงๆมาเปรียบเทียบได้ นอกจากนี้แผนภาพ ยังทำให้อธิบายการทำงานของคอมพิวเตอร์ได้ง่ายมากขึ้น เพราะนักเรียนจะเห็นเส้นทางการทำงานของคอมพิวเตอร์ว่าเมื่อส่วนนี้ทำงานเสร็จจะส่งต่อไปยังส่วนใดต่อไป

คุณครูอั้ม เป็นครูฝ่ายวิชาการของโรงเรียน ซึ่งจะต้องทำหน้าที่การสรุปสถิติจำนวนนักเรียนทุกระดับชั้น(ม.1 - ม.6) และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนทุกภาคการศึกษา เพื่อแสดงให้บุคลากรในโรงเรียนและบุคคลทั่วไปทราบ
        วัสดุกราฟฟิกที่เหมาะกับความต้องการของครูอั้มก็คือ แผนสถิติ เพราะแผนสถิติเหมาะกับการเปรียบเทียบระหว่างจำนวนหรือตัวเลขต่างๆ ซึ่งสถิติจำนวนนักเรียนและสถิติผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ก็เป็นการเปรียบเทียบจำนวนเช่นกัน โดยหากครูอั้มต้องการใช้แผนสถิติเพื่อการนำเสนอ ครูอั้มสามารถเลือกใช้แผนภูมิได้ 2 รูปแบบ คือ
(
1) เพื่อนำเสนอบุคลากร ควรใช้แผนสถิติแบบเส้น เพราะสามารถนำเสนอข้อมูลได้อย่างชัดเจนและถูกต้องมากที่สุด
(
2) เพื่อนำเสนอบุคคลทั่วไป ควรใช้แผนสถิติแบบแท่ง เพราะสามารถอ่านแล้วเข้าใจได้ง่ายมากที่สุด
คุณครูพอลล่า เป็นครูที่สอนในระดับอนุบาล ซึ่งต้องการเร้าความสนใจของนักเรียนให้นักเรียนเกิดความสนุกสนานและเกิดจินตนาการ
วัสดุกราฟฟิกที่เหมาะกับความต้องการของครูพอลล่าก็คือ การ์ตูน เพราะการ์ตูนสามารถถ่ายทอดเนื้อหาทั้งที่เป็นบทเรียนหรือเรื่องราวต่างๆให้มีความน่าสนใจ ดึงดูดและเร้าให้ผู้เรียนสนใจในกิจกรรมนั้นๆ มีสนุกสนาน ไม่ทำให้ผู้เรียนเบื่อหน่าย  และยังทำให้ผุ้เรียนได้จินตนาการตามเรื่องราวที่ได้เห็นจากการ์ตูนอีกด้วย ซึ่งการ์ตูนนั้นสามารถนำไปใช้ได้ทุกระดับชั้น รวมถึงชั้นอนุบาลด้วย
คุณครูศรราม เป็นครูฝ่ายปกครอง ซึ่งต้องการประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้นักเรียนหันมา
เล่นกีฬา และให้นักเรียนห่างไกลยาเสพย์ติด
วัสดุกราฟฟิกที่เหมาะกับความต้องการของครูศรรามก็คือ ภาพโฆษณา เพราะภาพโฆษณามีลักษณะที่เข้าใจง่าย และสื่อความหมายได้ทันที คือมองเห็นแล้วเข้าใจได้เลย อีกทั้งยังมีความดึงดูดสูงอีกด้วย นอกจากนี้ยังสามารถกระตุ้นให้ผู้พบเห็นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ตามจุดประสงค์ของโฆษณา (ในกรณีของครูศรรามก็คือ เชิญชวนให้นักเรียนเล่นกีฬาและห่างไกลยาเสพติด) ทั้งนี้ครูศรรามต้องออกแบบภาพโฆษณาให้เหมาะสม มีการจัดองค์ประกอบที่ลงตัว และเหมาะสมทั้งขนาดตัวอักษรและรูปภาพ ข้อความและรูปภาพต้องสัมพันธ์กัน ข้อความต้องสั้นและกระชับ เพื่อให้ผู้ที่พบสามารถเข้าใจได้ทันที

2. ออกแบบการนำเสนอข้อมูล โดยใช้คุณลักษณะของวัสดุกราฟิกที่สอดคล้องกับเนื้อหาวิชาในสาระการเรียนรู้วิชาเอกของคุณ
ตัวอย่างการออกแบบ วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง รูปเรขาคณิตสองมิติและสามมิติ โดยวัสดุกราฟฟิกที่ใช้ก็คือ แผนภาพและการ์ตูน ซึ่งจะใช้การ์ตูนในการเข้าสู่เนื้อหาและดำเนินเรื่อง เพราะสามารถดึงดูดและเร้าให้นักเรียนสนใจในกิจกรรมการเรียนการสอนนั้นได้ โดยให้ตัวการ์ตูนเป็นคนเจอสถานการณ์ปัญหาแล้วให้นักเรียนแก้ปัญหาให้กับตัวการ์ตูนอตัวอย่างสถานการณ์ปัญหา เช่น รูปทรงที่กลิ้งได้มีอะไรบ้าง และเราเรียกรูปทรงแบบนั้นว่าอะไร  และเมื่อหาวิธีการแก้ปัญหาแล้ว ก็จะให้ตัวการ์ตูนเป็นคนสรุปบทเรียนร่วมกับนักเรียน และใช้แผนภาพในการอธิบายรูปร่างและส่วนประกอบต่างๆของรูปร่าง เพราะแผนภาพจะแสดงถึงเค้าโครงได้ดี และใช้รูปภาพจริงประกอบกับรูปเค้าโครงเพื่อจะทำให้นักเรียนเข้าใจได้ง่ายมากขึ้น



สรุปข้อความรู้ (เดี่ยว)